BOQ ย่อมาจาก Bill of Quantities ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยคร่าว ๆ ว่า ใบแสดงรายการวัสดุและค่าใช้จ่าย ซึ่งออกโดยผู้ออกแบบบ้านหรือผู้รับเหมาก่อสร้าง โดยจะแสดงรายละเอียดหมวดหมู่งานที่ต้องทำในโครงการก่อสร้างว่า จะใช้วัสดุอะไร ปริมาณเท่าไร ราคากี่บาท และค่าแรงในการจัดการวัสดุนั้น ๆ มีราคาเท่าไร นอกจากนี้ผู้รับเหมาบางรายอาจระบุถึงกำไรและค่าดำเนินการให้เห็นโดยคิดจากมูลค่าใน BOQ อีกกี่เปอร์เซ็นต์เพราะใน BoQ จะระบุสเปคอย่างครบถ้วนเช่น ระบุ ยี่ห้อ สี รุ่น ปริมาณ และราคาสินค้า สามารถอ้างอิงราคางานเพิ่ม-ลดนอกเหนือจากแบบได้ และเรายังสามารถใช้ BoQ ตรวจสอบการทำงานของผู้รับเหมา ว่าใช้วัสดุและปริมาณที่ตรงตามคุณสมบัติในสัญญาการก่อสร้างหรือไม่
ความสำคัญของ BOQ
เมื่อรู้ว่า BOQ นั้นคืออะไรแล้ว และรู้ว่าใน BOQ นั้นมีรายละเอียดอะไรบ้างไปแล้ว ลองมาดูกันว่า BOQ นั้นยังมีความสำคัญในด้านอื่นๆ ที่สามารถให้ประโยชน์ต่อเจ้าของบ้านว่ามีอะไรบ้าง
• ใช้ BOQ เปรียบเทียบราคากลาง ก่อนการตกลงว่าจ้างผู้รับเหมารายไหนให้ทำการก่อสร้าง หรือต่อเติมบ้านนั้นผู้รับเหมาจะต้องเสนอ BOQ ก่อนเสมอ ซึ่งผู้ว่าจ้างสามารถนำรายละเอียดใน BOQ ที่ได้รับการเสมอมาไปเปรียบเทียบกับราคาของผู้รับเหมารายอื่นๆ ได้ เพื่อให้รู้ราคากลาง และมองหาผู้รับเหมาที่ให้ราคาตรงกับความต้องการมากที่สุดนั่นเอง
• ใช้ยื่นขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน การเสนอ BOQ แก่สถาบันการเงินเพื่อประกอบในเอกสารการขอสินเชื่อนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากทางสถาบันการเงินจะใช้ BOQ มาประกอบในการพิจารณาสินเชื่อ โดยดูว่าวงเงินค่าก่อสร้างใน BOQ นั้นมีความสอดคล้องกับวงเงินที่เจ้าของบ้านมาขอสินเชื่อหรือไม่
• รู้รายละเอียดของวัสดุ การที่ใน BOQ นั้นจะมีรายละเอียดของวัสดุแต่ละประเภทที่ใช้ในการก่อสร้าง ทำให้ผู้ว่าจ้างสามารถตรวจสอบคุณภาพ และจำนวน ของวัสดุต่างๆ ระหว่างการก่อสร้างได้จากการดูรายละเอียดใน BOQ ว่าตรงกับวัสดุที่มีการทำมาใช้ก่อสร้างจริงหรือไม่ และยังสามารถใช้ BOQ สำหรับเป็นเอกสารอ้างอิงในการตรวจรับงานก่อนที่จะมีการส่งมอบงานที่เสร็จสมบูรณ์ได้อีกด้วย
การแยกประเภท BOQ
สำหรับการก่อสร้างบ้าน 1 หลังนั้นมีรายละเอียดของวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทำให้การรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้ใน BOQ เพียงชุดเดียวอาจจะทำให้เกิดการผิดพลาดได้ ดังนั้นตามมาตรฐานในการนำเสนอ BOQ ส่วนมากจะนำเสนอตามประเภทของงานก่อสร้างที่แตกต่างกัน โดยบแบ่งเป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน ได้แก่
• งานโครงสร้าง คือการลงเสาเข็ม เทพื้น สร้างเสา คาน
• งานหลังคา คือการทำโครงสร้างหลังคา มุงหลังคา ติดฉนวนกันความร้อน
• งานผนัง คือการก่อผนัง การฉาบผนัง ติดตั้งประตู หน้าต่าง
• งานฝ้าเพดาน คือการติดตั้งฝ้าเพดาน
• งานไฟฟ้า คืองานเดินระบบไฟฟ้าทั้งหมด รวมไปถึงการติดตั้งหลอดไฟต่างๆ
• งานสุขภัณฑ์ คืองานติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการใช้น้ำ อุปกรณ์ในห้องน้ำ
• งานระบบน้ำดี – น้ำเสีย คืองานวางระบบนำดี น้ำเสีย น้ำทิ้ง ระบบบำบัดน้ำ
• งานสี คืองานทาสีภายนอก ภายใน ตามที่ตกลงกันไว้ทั้งหมด
• งานอื่นๆ คืองานต่างๆ ที่ไม่รวมอยู่ในหมวดหมู่ เช่นงานตกแต่งเพิ่มเติม
• ค่าแรงคนงาน คือราคาของค่าแรงคนงานทั้งหมดโดยจะคิดแยก หรือคิดรวมมาก็ได้
• ค่าดำเนินการ คือส่วนของผู้รับเหมาที่จะคิดค่าดำเนินการต่างๆ ตามที่ตกลงกันไว้
• ซึ่งเมื่อแบ่ง BOQ ตามหมวดหมู่ต่างๆ แล้วนั้นจะช่วยให้การตรวจสอบเป็นไปได้ง่าย และเกิดความผิดพลาดในการสื่อสารระหว่างผู้รับเหมา และผู้ว่าจ้างได้น้อยลง ทำให้สามารถทำงานต่อไปด้วยความราบรื่นได้มากขึ้น
ใครเป็นผู้จัดทำ
แบ่งได้เป็นสองแบบดังนี้ แบบแรกเจ้าของอาคารเป็นผู้ยื่นเอกสาร BoQ เอง ซึ่งอาจจะให้สถาปนิกทำให้ (แล้วแต่ข้อตกลงร่วมกัน) BoQ เป็นราคากลางให้เจ้าของอาคารเปรียบเทียบกับราคาของผู้รับเหมาแต่ละเจ้า ว่าต่างกันมากน้อยแค่ไหน ในบางครั้งถ้าผู้รับเหมาเสนอราคา BoQ ต่ำเกินไป ก็มีโอกาสที่ผู้รับเหมาจะทิ้งงานค่อนข้างสูง หรือถ้าผู้รับเหมาเสนอราคามาสูงเกินไป เจ้าของก็สามารถต่อรองราคาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ราคาก่อสร้างที่พึงพอใจกันกับทั้งสองฝ่ายได้
หรืออีกแบบหนึ่งคือกรณีที่ผู้รับเหมาเป็นผู้ทำเอกสาร BoQ เพื่อระบุค่าใช้จ่ายและใช้เป็นเอกสารแนบท้ายสัญญาในการก่อสร้างกับเจ้าของอาคาร การทำเช่นนี้จะช่วยลดความขัดแย้งระหว่างผู้รับเหมาและเจ้าของระหว่างการก่อสร้าง ในกรณีที่มีการเพิ่มหรือลดวัสดุนอกเหนือจากในแบบก่อสร้าง
จะเห็นได้ว่า BoQบทความนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการมี BOQ สำหรับการก่อสร้างหรือต่อเติมบ้านไว้อย่างครบถ้วน เป็นตัวช่วยที่สำคัญสำหรับเจ้าของอาคารและผู้รับเหมาในการการควบคุมคุณภาพ และราคาในการก่อสร้างให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะตามที่ได้ตกลงกันไว้นั่นเอง
คำนวณ BOQ อย่างไร
โดยปกติแล้วผู้ออกแบบบ้านหรือผู้รับเหมาก่อสร้างต้องคิดคำนวณ BOQ ให้คุณ แต่ถ้าเป็นงานเล็ก ๆ จากผู้รับเหมารายย่อยที่ยังไม่รู้ว่า BOQ คืออะไร หรือถ้าคุณต้องการคำนวณค่าใช้จ่ายเองเพื่อมอบหมายให้ผู้รับเหมาเสนอค่าแรงหรือตรวจเช็กความสอดคล้องกับ BOQ ของผู้รับเหมา เราก็มีขั้นตอนการคำนวณ BOQ คร่าว ๆ มาให้คุณทำเองได้ดังนี้
จัดหมวดหมู่งาน
การจัดหมวดหมู่งานเป็นสิ่งแรกที่ต้องทำเพื่อแยกประเภทงานก่อสร้างทั้งหมดออกเป็นกลุ่ม เช่น ถ้าคุณจะสร้างบ้านสักหลังก็ต้องมีงานเตรียมพื้นที่ งานพื้นผิว งานโครงสร้าง งานหลังคา งานฝ้าเพดาน งานผนัง งานประตูหน้าต่าง งานทาสี งานไฟฟ้า งานประปา งานสุขภัณฑ์ งานตกแต่งภายใน และงานตกแต่งภายนอก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะทำอะไรบ้าง หรือถ้าเป็นการปรับปรุงห้องน้ำก็อาจมีแค่งานปูพื้นและงานสุขภัณฑ์แค่ 2 กลุ่ม เป็นต้น
วัดขนาดพื้นที่
ควรใช้หน่วยเมตรและตารางเมตรเป็นหลักในการวัดพื้นที่ เพราะเป็นหน่วยมาตรฐานที่ใช้ซื้อขายวัสดุก่อสร้าง เช่น พื้นที่บ้านวัดได้ 135 ตารางเมตร คุณก็ระบุใน BOQ บ้านได้ว่า ต้องใช้กระเบื้องปูพื้นประมาณ 135 ตารางเมตร หรือในบ้าน 2 ชั้นที่ต้องการเดินสายไฟให้ครบทุกห้อง และวัดความยาวได้ประมาณ 300 เมตร คุณก็ต้องใช้สายไฟม้วน 50 เมตร จำนวน 6 ม้วน เป็นต้น
สำรวจราคา
เราขอแนะนำให้คุณสำรวจราคาในร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ เพราะร้านค้าเหล่านั้นมักจะมีบริการทำใบเสนอราคาตามรายการที่คุณต้องการโดยไม่ต้องเสียเวลาเช็กราคาเอง แต่ถ้าคุณไม่สะดวกหรือไม่มีเวลาเดินทาง คุณสามารถพึ่งพาร้านขายวัสดุก่อสร้างบนอินเทอร์เน็ตในการค้นหาราคาวัสดุที่ต้องการได้อย่างง่ายดายเพียงไม่กี่คลิก
เคาะราคาที่ต้องจ่าย
คุณสามารถคิดค่าวัสดุที่ต้องใช้ได้ง่าย ๆ ด้วยการนำ ปริมาณวัสดุ x ราคาต่อหน่วย = ราคาวัสดุที่ต้องใช้ ส่วนค่าแรงนั้นจะคิดยากกว่าพอสมควรเนื่องจากผู้รับเหมาแต่ละรายคิดค่าแรงไม่เท่ากันและไม่มีมาตรฐานตายตัว แต่คุณก็สามารถคาดคะเนได้คร่าว ๆ ดังนี้
• งานขนาดเล็กหรืองานง่ายให้ใช้แบบราคาไม่เกิน 50 บาทต่อหน่วย
• งานขนาดปานกลางหรืองานทั่วไปให้ใช้แบบราคาไม่เกิน 120 บาทต่อหน่วย
• งานขนาดใหญ่หรืองานยากให้ใช้แบบราคาไม่เกิน 500–1,000 บาทต่อหน่วย
แม้ว่าคุณจะไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้าง แต่ด้วยการคำนวณแบบนี้ คุณก็จะทราบค่าแรงโดยประมาณ และสามารถนำมารวมกับราคาวัสดุเพื่อหาจำนวนเงินทั้งหมดที่ต้องจ่ายในเบื้องต้นสำหรับงานก่อสร้างได้
Cr. https://pstconcrete.com/th/articles/250708-boq-คือคืออะไร-จำเป็นหรือไม่ในการสร้างบ้าน